22 Nov
การอุดฟัน เป็นกระบวนการทางทันตกรรมที่ใช้ซ่อมแซมฟันที่เสียหายจากฟันผุ การแตก หรือการสึกหรอ โดยมีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูการทำงาน โครงสร้าง และความแข็งแรงของฟัน รวมถึงป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายเพิ่มเติม รายละเอียดมีดังนี้:
เมื่อใดถึงจะจำเป็นต้องอุดฟัน?
- ฟันผุ: เกิดจากการที่แบคทีเรียในช่องปากทำลายเคลือบฟันจนเกิดรูหรือโพรง ซึ่งจำเป็นต้องอุดเพื่อป้องกันการผุลุกลาม
- ฟันแตกหรือบิ่น: ฟันที่เสียหายจากอุบัติเหตุหรือการใช้งานหนักสามารถซ่อมแซมได้ด้วยการอุด
- ฟันสึกหรอ: เกิดจากการกัดฟัน (bruxism) หรือการสึกจากกรดในอาหาร
วัสดุที่ใช้ในการอุดฟัน
1.วัสดุเรซินคอมโพสิต (สีเหมือนฟัน):
- ทำจากส่วนผสมของพลาสติกและแก้ว
- มีสีที่เหมือนฟันจริง ดูเป็นธรรมชาติ
- แข็งแรงทนทาน
- เหมาะสำหรับทั้งอุดฟันหน้าและฟันหลัง
2.อมัลกัม (สีเงิน):
- ทำจากส่วนผสมของโลหะ (เงิน, ดีบุก, ปรอท ฯลฯ)
- แข็งแรงและทนทาน เหมาะสำหรับฟันกราม
- ไม่สวยงามเนื่องจากมีสีเงิน ปัจจุบันไม่ค่อยนิยม
3.ทอง:
- ผลิตขึ้นในห้องปฏิบัติการและติดแน่นเข้ากับฟัน
- มีความทนทานสูงและอายุการใช้งานยาวนาน แต่มีราคาสูง
4.เซรามิก (พอร์ซเลน):
- สีเหมือนฟัน ทนทาน และไม่เปลี่ยนสี
- ผลิตขึ้นในห้องปฏิบัติการและติดแน่นเข้ากับฟัน
- ใช้สำหรับการอุดที่ซับซ้อน เช่น อินเลย์หรือออนเลย์
5.แก้วไอโอโนเมอร์:
- ปล่อยฟลูออไรด์เพื่อป้องกันฟันผุ
- ไม่ทนทานมากนัก เหมาะกับบริเวณที่ไม่ได้รับแรงกัดมาก
การดูแลหลังการอุดฟัน
- อาจรู้สึกเสียวฟันกับของร้อน เย็น หรือแรงกดในช่วงแรก
- หลีกเลี่ยงการกัดของแข็งทันทีหลังการอุดฟัน (โดยเฉพาะเมื่อใช้ยาชาหรืออมัลกัม)
- รักษาสุขอนามัยช่องปากด้วยการแปรงฟัน การใช้ไหมขัดฟัน และเข้าพบทันตแพทย์เป็นประจำ
หากคุณมีอาการปวดฟันหรือสงสัยว่ามีฟันผุ ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อรับการตรวจและรักษา.